เที่ยวเขาค้อ

ปฏิทิน

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การดูแลรักษาแบตเตอร์รี่รถยนต์

1.ก่อน start รถทุกครั้งควรปิดแอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ไฟทั้งหมด
2.หมั่นดูแลน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ [แบตฯแบบเติมน้ำกลั่น]
3.อย่าเติมน้ำกลั่นมากกว่าระดับที่กำหนดไว้ 
4.ควรทำความสะอาดขั้วแบตฯให้สะอาดอยู่เสมอ
5.ถ้าขั้วแบตฯ เกิดคราบสกปรก [ขี้เกลือขาวๆ] ควรใช้น้ำร้อนราดและใช้แปรงมาทำความสะอาด [ห้ามใช้แปรงลวดนะครับ] อาจเกิดการช๊อตได้
6.เวลาดับเครื่องยนต์ ไม่ควรเปิดเครื่องเสียงเป็นเวลานานๆ บ่อยๆ เพราะกระแสไฟจะน้อยลง อาจจะstart เครื่องยนต์ไม่ติดได้ และ ไม่ควรเปิดเครื่องเสียงจนแบตฯหมดหลายๆครั้ง เกิน4-5 ครั้ง แบตฯอาจเสื่อมหรือเสียได้ครับ
7.ถ้าจอดรถไว้หลาย ๆ วัน [มีรถหลายคัน] ควรทำการstart เครื่องทิ้งไว้และควรเร่งรอบเครื่องยนต์ 1500 รอบ เพื่อให้ไดชาร์จได้ชาร์จไฟเข้าแบตฯด้วยครับ
8.การเปลี่ยนแบตฯลูกใหม่ควรใส่วงแหวนกันขี้เกลือและแบตเตอรี่ที่ใส่ใหม่ควรชาร์จไฟเต็มก่อน
9.การstart รถไว้และเปิดเครื่องเสียงเป็นเวลานานๆ มากๆ ควรเร่งรอบเครื่องให้เกิน1000 รอบ เพื่อให้มีกระแสไฟไปชาร์จแบตฯด้วยครับ
10.เมื่อกลับถึงบ้านดับเครื่องยนต์ แล้วควรเปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
11.หมั่นทำความสะอาดขั้วแบตฯ และตัวแบตฯ ด้วยน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยเฉพาะแบตฯ ที่เติมน้ำกลั่น ตรงจุกที่เติมน้ำกลั่นจะมีการระเหยของกรดซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวถังรถกรดนี้สามารถกัดเหล็กให้ผุกร่อนได้นะครับ
12.ไม่ควรเปิดเครื่องเสียงดังๆ มากๆ บ่อยๆ จะทำให้แบตฯทำงานหนักอายุการใช้งานจะสั้นและเสียเร็วขึ้น
13.ถ้าต้องการแบตฯ ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นควรเลือกใช้แบตฯ PUMA จ่ายกระแสไฟได้สูงกว่าแบตฯ ทั่วไปและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตฯทั่วไป
14. ติดตั้งแบตฯนอกห้องเครื่องยนต์เช่น ด้านท้ายรถ หรือ ใต้เบาะคนนั่ง[แบตฯไม่เต็มน้ำกลั่น] หรือ สร้างกล่องโลหะครอบแบตฯกันความร้อนช่วยยืดอายุการใช้งานครับ
15.ประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น แบตฯจะมีอายุการใช้งานมากกว่าประเทศที่มีอากาศร้อนครับ


ที่มา http://www.khuangsingha.com/forum/index.php?topic=2381.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น