เที่ยวเขาค้อ

ปฏิทิน

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แต่งรถสไตล์ vip

หลายคนยังสับสนกับคำว่า VIP STYLE ว่ามันคืออะไร ผมจะมาสรุปสั้นๆ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ ยังมีหลายข้อที่เข้าใจกันผิด 

1. ไม่จำเป็นต้องเป็นรถหรู ราคาแพง และเช่นเดียวกัน รถหรูราคาแพง หลายคัน ก็ไม่ได้ตกแต่งถูกหลัก VIP Style....การเห็นรถเดิมๆ แพงๆ สวยๆ เช่น New S Class แล้วบอกว่า โอ้ สวย ดู VIP มากครับ นั่นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพียงแต่ว่า มันอาจจะ Born "to be" VIP Style แต่มันยังไม่ใช่ ก็แค่นั้นครับ

2. ล้อแนว VIP Style ไม่ได้หมายถึง ล้อโครเมี่ยม หรือล้อโต แต่มันคือล้อ ที่ "ทรงคุณค่า" นั่นก็คือ ล้อแท้ จากสำนักผลิตที่มีมาตราฐาน คุณภาพเยี่ยมยอด วัสดุชั้นดี งานสวยกว่าของก๊อปปี้แน่นอน ลายต้องไม่ใช่แนวเรซซิ่ง ใส่กับรถแล้วดู สวย หรูหรา ลงตัว ทำให้รถมีราคาขึ้นมากๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ มีการมีงาน มีตังส์ ส่วนเรื่องของขนาดนั้น ควรใส่ขนาดที่เหมาะสม ไม่ใช่ใส่ใหญ่มากๆ แล้วจะดู V เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น A32 ใส่ล้อ 22" นั่นจะออกมาทางแนว DUB ไปแล้ว ไม่จัดอยู่ในประเภท V ครับ

3. รถ VIP CARดั้งเดิมนั้น ต้องเป็นรถเก๋ง BIG SEDAN สี่ประตูเท่านั้น แต่ข้อจำกัดเรื่องการหารถในบ้านเราขนาด BIGๆ นั้น เป็นไปค่อนข้างยากและมีราคาสูง เราจึงอนุโลม ในแบบไทยๆ ได้คือ mini sedan, mid sedan ก็สามารถทำรถแนว VIP STYLE ได้ เพียงแค่มันไม่ใช่ VIP CAR ก็เท่านั้นเอง 

ส่วนรถกระบะ SUV รถสปอร์ตราคาแพง นั้น ไม่สามารถทำได้ ถึงทำได้ ก็เหนื่อย และดูไม่ V หมดเงินเยอะกว่า ซื้ออีกคันมาทำง่ายกว่าเยอะครับ

4. "Vipstyle is all about stance and fitment, everything else (including body kits) are just accessories." - Taketomi, from Junction Produce. .............นี่คือนิยามสั้นๆ ของรถแนว VIP STYLE ซึ่งก็คือ ต้องมี

STANCE & FITMENT ที่เหมาะสม คำนี้คืออะไร จะอธิบายให้ชัดเจนอีกทีครับ เอาคร่าวๆ มันคือการโหลด ระยะหุบของล้อ การใส่ยางให้สวย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ Strick มาก สำหรับรถแนว VIP STYLE ซึ่งถ้าไม่สามารถทำได้ จะขับรถหรูแค่ไหน แต่งมาดีแค่ไหน ทำข้อนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางสวยครับ ในทางกลับกัน รถเดิมๆ ไม่ต้องแพง ชุดแต่งไม่มี ขอแค่ล้อดีๆ สักชุด กับ stance & fitment ที่ยอดเยี่ยม มันก็สามารถทำให้รถคุณ สวยขึ้นเป็นกอง แม้คุณจะไม่ได้แต่งแนว VIP Style ก็ตาม คงพอนึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับ

Body KIT เมื่อจัดการสิ่งสำคัญในระดับแรกได้แล้วก็เริ่มมาดูพาร์ทกัน พาร์ทที่ดูดีสมบูรณ์แบบ สวยงาม ลงตัว ไม่ซิ่ง ช่องลมไม่เยอะ เรียบๆง่ายๆ แต่ดูดีมีสไตล์และมีราคา แบบไหนคือ vip style ก็หาดูได้จากเว็บไซต์รถแนว vip หรือหนังสือ vip car มาดูเยอะๆ สนใจแนวนี้ต้องทำการบ้านกันหน่อยครับ แล้วมันจะซึมซาบเข้าสายเลือด

Accessories คือส่วนประกอบอีกปัจจัยที่ทำให้รถของคุณดูดีขึ้นมาได้ ขอเป็นของแต่งที่ตรงแนวก็จะทำให้รถคุณสมบูรณ์แบบได้ทันที บางท่านแต่งมาซะดีแต่มาตกม้าตาย เช่น รถคุณแต่งมาเต็มเลย ตรงแนวทุกอย่าง แต่ติดโลโก้ Nismo อันนี้มันก็พลาดไปแล้วครับ ผิดแนวทันที พวกไฟเลี้ยวมุมส้ม ตัดหมอกสีเหลืองนี้ ไม่ได้เลยนะครับ

และนี่คือสิ่งที่รถแนว VIP STYLE จะต้องมีครับ โดยเฉพาะข้อแรก ทำไม่ได้ก็หลุดวงโคจรออกนอกโลกครับ

5. สีของรถ ควรเป็นสีแนวสุภาพ ไม่ได้จำกัดนะครับว่า ต้องขาวหรือดำเท่านั้น สีอะไรก็ได้ครับ ให้อยู่บนพื้นฐานของความเรียบร้อย หรูหรา ดูเป็นผู้ใหญ่ หรือจะสุขุมนุ่มลึก หรือดูน่าเกรงขาม ก็แล้วแต่จะจัดมาครับ ส่วนการเล่นสีแปร๊ดๆๆ นั้น ทาง VIP CAR เข้าให้นิยามมาว่า VIP CAR INAKA หรือที่เราเรียกกันว่า อินากะ ในภาษาไทยนั่นเอง มันมีที่มาจากการที่ รถ VIP CAR ที่อยู่ตามต่างจังหวัดที่ญี่ปุ่น เขาชอบใช้สีสดๆ ครับ ซึ่งมันผิดกับคอนเซ็ปท์ที่ผมกล่าวไว้แต่แรก ...แต่เราก็ไม่ได้กีดกันนะครับ เพียงแต่กลัวสมาชิกที่ยังไม่ได้แต่ง จะหลงทางการแต่งเท่านั้นเอง แต่ถ้ารถทำมาสุดแล้ว องค์ประกอบทุกอย่าพร้อม จะเล่นสีแปลกๆ มันก็เป็นสีสันของวงการครับ จะเล่นแต่สีดำหรือขาว อย่างเดียว เบื่อตายห........ คำว่า inaka นี้ พวกเราใช้แซวพวกๆกันเองมากกว่าครับ 



ที่มา http://www.vipcarthailand.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=9804

การล้างรถอย่างถูกวิธี

วิธีการล้างรถด้วยตนเอง
สาระน่ารู้ : วิธีการล้างรถด้วยตนเอง  

      สำหรับคนเมืองแล้วดูเหมือนว่ารถจะกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต หลายคนใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันอยู่ในรถ เด็กบางคนแทบจะเรียกได้ว่าโตบนรถเลยทีเดียว เมื่อใช้รถเราก็ต้องรู้จักดูแลเพื่อให้สามารถใช้งานได้นานๆ ก็รถแต่ละคันราคาไม่น้อยนี่ครับ แต่คุณรู้มั๊ยว่ารถก็ไม่ต่างจากคน นอกจากการบำรุงรักษาภายในแล้ว  การดูแลรักษาภายนอกก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน แค่การดูแลเครื่องยนต์อย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ หากจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คงต้องขอเปรียบเทียบกับคุณผู้หญิงที่ต้องการการถนอมผิว อาบน้ำ ทาครีมบำรุง ก็เจอกับแดดร้อน มลพิษ ฝุ่น ควัน มาทั้งวัน ไม่ดูแลให้ดีก็คงแย่เหมือนกัน รถยนต์ก็เช่นกันครับ ดังนั้นหากว่าเราจะหันมาใส่ใจกับเจ้าเพื่อนมีล้อให้มากกว่าเดิมอีกนิดหน่อยก็คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ลองมาดูกันดีกว่าครับว่าควรดูแลอย่างไรให้ผิวรถสวย สะอาดใส ไร้ริ้วรอย 

เคล็ดลับง่าย ๆ ของการล้างรถให้สะอาด ไม่เกิดรอยและไม่ทำลายสีรถ 
1. เริ่มจากฉีดน้ำครับ ฉีดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดิน และสิ่งสกปรกต่างๆ หลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด 

2. โดยปกติแล้ว การล้างรถด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวก็สะอาดเพียงพอแล้ว แต่อาจต้องใช้แรงในการขัดถูมากหน่อย ถ้าอยากให้ล้างง่ายขึ้น สะอาดใสปิ๊ง ก็ให้ใช้แชมพูล้างรถร่วมด้วยครับ 

3. รถก็เหมือนบ้าน เวลาทำความสะอาดต้องเริ่มจากด้านบนก่อน แล้วค่อยๆ ล้างจากส่วนบน ลงล่างนะครับ 

4. แนะนำให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช่น ผ้าสำลี ในการล้างรถครับ ไม่ควรใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะเม็ดทรายหรือฝุ่น จะติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ เมื่อถูไปกับผิวสีรถ จะทำให้เกิดรอยขีดข่วน และถ้าทำได้ควรจะนำผ้าไปแช่น้ำไว้ก่อน ยิ่งถ้าใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยจะดีมากเลยครับ และในขณะที่ล้างรถก็ต้องหมั่นซักและขยี้ผ้าบ่อยๆ ด้วยครับ 

5. โดยทั่วไปส่วนบนของรถจะมีฝุ่นน้อย ในขณะที่ด้านล่างจะสกปรกและมีฝุ่นมาก จึงขอแนะนำให้แยกใช้ผ้า 3 ผืน ผืนแรกใช้สำหรับล้างส่วนบน หลังคา ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง และกระจกรถ ผืนที่สองใช้ล้างด้านล่างของตัวรถ ตั้งแต่ขอบกระจก ด้านล่างลงมา ผืนสุดท้าย ใช้สำหรับทำความสะอาดล้อ และส่วนอื่นที่สกปรกมาก ถ้ามีผ้าผืนเดียว ก็แนะนำให้ซักผ้าบ่อยๆ นะครับ เพื่อเอาเศษฝุ่น โคลน ออกจากผ้า รถจะได้สะอาดครับ

6. ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมด ใช้ผ้าแห้งนุ่มเช็ดรถให้แห้งทันที จะได้ไม่มีฝุ่นเกาะ และไม่เกิดคราบน้ำบนผิวสีรถ

หมายเหตุ: ถ้าล้างเองคนเดียวที่บ้าน แนะนำให้ทำการล้างล้อก่อนนะครับ เพราะถ้าเราล้างตัวรถก่อน แล้วมาล้างล้อทีหลัง จะทำให้คราบ  
น้ำ คราบแชมพูแห้ง และทำให้เกิดปัญหาคราบน้ำได้ครับ

 
      การใช้น้ำฉีดเป็นวิธีที่ดีสำหรับการล้างรถ แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่จำเป็นต้องล้างรถโดยใช้ถังใส่น้ำ จงท่องจำเอาไว้ในใจว่า ต้องหมั่นซักและขยี้ผ้า และต้องเปลี่ยนน้ำในถังบ่อย ๆ มิฉะนั้น สิ่งสกปรก และเม็ดทรายที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ อาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วนบนรถได้ครับ 



วิธีเช็ด
1. ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ ในการเช็ดรถ เนื่องจากผ้าเหล่านี้จะไม่ทำให้รถเป็นรอย การเช็ดรถที่ถูกต้องก็เหมือนกับการล้าง คือควรเช็ดจากด้านบนไล่ลงมาด้านล่างของรถ เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมด จะได้ไม่ต้องทำงานสองต่อครับ 

2. ส่วนของรถที่ต้องระวัง คือ ด้านในขอบประตูทั้งหมด ด้านในกระโปรงหลัง ด้านในฝาถังน้ำมัน กระจกหน้ารถ ควรเช็ดให้แห้งที่สุด อย่ามองข้ามเป็นอันขาดนะครับ 
  
3. ล้อแม็กซ์ ก็ควรจะเช็ดให้แห้งด้วย เพราะถ้าไม่เช็ดจะเกิดเป็นคราบน้ำขึ้น ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ คราบน้ำเหล่านั้นจะเช็ดออกยากจนถึงเช็ดไม่ออกเลยนะครับ 

ข้อควรระวัง
 
1. ไม่ควรล้างรถเองในตอนเย็น เพราะหากล้างแล้วจอดทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดสนิมในจุดที่เราเช็ดไม่แห้ง เว้นเสียแต่ว่า คุณจะมีเครื่องเป่าน้ำให้แห้ง หรือไม่ก็ต้องยอมเปลืองน้ำมันเอารถออกไปขับไกล ๆ ให้ลมช่วยทำให้ทุกซอยทุกมุมแห้งสนิท วิธีนี้คุณผู้ชายอาจใช้เป็นข้ออ้างในการออกจากบ้านตอนเย็นๆ ได้นะครับ ไม่ว่ากัน 

2. ไม่ควรล้างรถกลางแดด เพราะนอกจากคนล้างอาจไม่สบายได้แล้ว แสงแดดจะทำให้น้ำแห้งเร็วจนเช็ดไม่ทัน ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวสีรถได้ 

3. ไม่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรถแทนการล้างรถ เพราะจะเป็นการทำลายสภาพสี ผงฝุ่นต่างๆ ที่ติดบนผ้าจะทำให้เกิดรอยขนแมวยิ่งเช็ดรถมากครั้งขึ้นเท่าไหร่ การเกิดรอยก็จะมากขึ้นตามไปด้วย 

4. ไม่ควรใช้ไม้ขนไก่ หรือแปรงปัดฝุ่นทุกชนิด ปัดฝุ่น เพื่อทำความสะอาด เพราะมันเหมือนกับการใช้กระดาษทรายเช็ดรถเลยทีเดียว ในขณะที่ปัดฝุ่น ไม้ปัดฝุ่นจะลากถูฝุ่นหรือเม็ดทรายไปตามผิวสีรถ ทำให้เกิดริ้วรอยได้


ที่มา : http://www.carlack68ratanathibet.com/news/detail_news.php?id=457

การบำรุงรักษายางรถยนต์

รถยนต์ที่สามารถวิ่งอยู่บนถนนได้อย่างสมบูรณ์นั้น ล้วนแล้วแต่ประกอบด้วยอุปกรณ์มีความสำคัญยิ่งทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็น  เครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ระบบช่วงล่าง และยาง รถยนต์

แต่วันนี้เราจะขอพูดเรื่องของยางรถยนต์ และวิธีการบำรุงรักษา เพราะยางรถเปรียบเสมือนรองเท้า ที่เราสวมใส่ ถ้ารองเท้าไม่พอดี อาจจะทำให้ผู้ใส่เกิดอาการเจ็บเท้าหรือเดินไม่ถนัด ทำให้เสียบุคลิกในการเดินได้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยางรถยนต์ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนของรถยนต์ เพราะยางรถยนต์จะต้องหมุนไปตลอด เมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ยางรถยนต์ทำหน้าที่ รองรับน้ำหนักรถ และน้ำหนักบรรทุก ลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน ทำหน้าที่ส่งแรงม้าจากเครื่องยนต์ สู่พื้นผิวถนนและยึดเกาะถนนในการเข้าโค้ง ยางรถยนต์ จะมีประโยชน์และให้สมรรถนะสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับ การใช้งาน และการดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง ทำให้ผู้ใช้รถมีความปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย อีกด้วย การตรวจยางในชั้นพื้นฐานที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ก็คือ เรื่องการวัดลมยางหรือการสูบลมยาง สาเหตุที่ต้องวัด หรือสูบ หรือเติมลมยางเข้าไปเนื่องจาก ยางรถยนต์ของรถแต่ละประเภท แรงดันของลมในยาง จะไม่เท่ากันซึ่งต้องดูถึงสภาพของรถที่ท่านใช้ด้วย อย่างเช่น รถยนต์นั่งต้องการความนิ่มนวลในการขับขี่ ส่วนยางของรถบรรทุก ต้องมีความสามารถในการรับ น้ำหนักบรรทุก นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงขนาดของยาง และจำนวนชั้นของผ้าใบ ถ้ายางที่มีจำนวนชั้นผ้าใบน้อย ถ้าเติมลมมากไป อาจจะทำให้ยางระเบิดขึ้นมาได้

ข้อควรปฏิบัติบำรุงรักษายางรถยนต์
1. ตรวจเช็คลมยางทั้ง 4 ล้อ อย่างน้อย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
2. ควรสูบ หรือเติมลมยางมาตรฐานที่ทางโรงงานผู้ผลิตกำหนด (ขณะที่ยางเย็น)
3. การเพิ่ม หรือลดลงยางให้มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักบรรทุก
4. เมื่อขับรถออกต่างจังหวัด หรือใช้ความเร็วสูง ควรเพิ่มลมยางมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว
5. อย่าลดลมยางในขณะที่ฝนตกหรือวิ่งบนถนนเปียก เพราะอาจจะทำให้ การยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพการรีดน้ำของดอกยางลดลงด้วย



แจ่มๆ