เที่ยวเขาค้อ

ปฏิทิน

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

7 วิธี ขับประหยัดกับเกียร์ ออโต้

ช่วงนี้แม้ราคาน้ำมันอาจจะลงไปแล้วหลังนโยบายรัฐบาลตัดสินลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันส่งผลให้ราคาทรุดฮวบไปในทันใด แต่ถึงจะเริ่มวางใจได้แต่นโยบายนี้ก็เปิดมาแล้วว่าเป็นเพียงแค่ชั่วคราว และการประหยัดที่แท้จริงยังอยู่กับเราๆท่านๆเหมือนเดิม
หลายครั้งที่เราออกมาพูดเรื่องการประหยัดน้ำมันปาวๆ ทำโน่นนี่นั่น แต่ครั้งนี้เราจะต่างออกไปด้วยการพูดถึงเทคนิคการขับเสียส่วนใหญ่ ที่คราวนี้เราขอตามกระแสกับ 7 เทคนิคที่คุณต้องรู้เอาไว้ ถ้าคุณกำลังใช้รถเกียร์อัตโนมัติ
1.รู้จักรถยิ่งขับยิ่งประหยัด เราหลายคนรู้จักรถดีขับมันทุกวันแต่ไม่คุ้นเคยกับนิสัยของมันเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่น่าแปลก เพราะการขับขี่นั้นจำเป็นต้องรู้จักรถให้ดี สิ่งหนึ่งที่ต้องจดจำคือช่วงที่แรงบิดสูงสุดถูกเรียกออกมา ซึ่งจะมีประโยชน์มากยามเร่งแซง
2.Walking Speed หลายคนที่ขับรถนั้นไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้เท่าไรนักแต่ walking Speed นั้นหมายถึงการที่รถยนต์สามารถเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยที่เราไม่ต้องแตะคันเร่ง ตามปกติสำหรับเกียร์ออโต้แล้ว Walking speed คือสิ่งที่เราทำกันอยู่ประจำยามที่เราไม่ได้เดินคันเร่ง ซึ่งมีประโยชน์ตอนที่กาจราจรติดขัดหรือตอนเข้าที่จอดรถ เพราะยิ่งเร่งน้อยก็ยิ่งประหยัด
3 เกียร์ L ขึ้นทางชันรับรองว่าประหยัดกว่า ในการขึ้นทางชันนั้นเราหลายคนมักละเลยในการเปลี่ยนโหมดเกียร์มาใช้เกียร์ L ด้วยความสะดวกเข้าว่า ความจริงแล้วถามว่าผิดหรือคำตอบคือไม่ แต่มันไม่เหมาะสม เพราะเกียร์ D นั้นจะทำการเปลี่ยนเกียร์ แต่ในการขึ้นทางชันที่แรงต้านทานจากเนินสูง โดยเฉพาะการขึ้นที่จอดรถ การใช้เกียร์ L โดยใช้กำลังแรงบิดเครื่องส่งขึ้นนั้นจะทำให้รถไม่ต้องออกแรงสู้กับเนินมากผลคือประหยัดกว่า ชัวร์!
4.คิกดาวน์อย่าทำบ่อยถ้าไม่จำเป็น การคิกดาวน์ในเกียร์อัตโนมัตินั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสร้างความสะดวกสบายในการเร่งแซง แต่มันก็ต้องแลกมาดัวยอัตรากินน้ำมัน ซึ่งแม้ระบบเกียร์ปัจจุบันจะมีการพัฒนาให้ตอบสนองได้ดีส่งกำลังได้มากยิ่งขึ้น แต่การคิกดาวน์ก็ยังเปรียบได้ดั่งการกระชากเกียร์อยู่ดี
หลายคนที่ขับเกียร์อัตโนมัติเข้าใจว่าการคิกดาวน์นั้นเป็นหนทางเดียวที่เร่งแซง แต่ความจริงแล้วนอกจากที่ปลายเท้าแล้วยังมีการใช้ระบบ Overdrive หรือ O/d ซึ่งทำให้เกียร์เปลี่ยนอย่างนิ่มนวลมากกว่าการคิกดาวน์หรือบางคันเป็นตำแหน่ง 3/D3 ตามแต่ยี่ห้อรถ
5 คันเร่งเดินให้เนียน หลายคนที่ไม่ได้ฝึกขับรถอย่างจริงจังนั้นมักจะไม่ทราบว่าการเดินคันเร่งนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งชีพในการพิชิตความประหยัดที่จะใช้น้ำมันทุกหยดให้คุ้มค่า การใช้คันเร่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในรถเกียร์ออโต้ เพราะเมื่อเรากดคันเร่งลึกไประบบเกียร์ก็จะคิกดาวน์หรือน้อยไป รถก็วิ่งแบบคลานๆ เราต้องหาความพอดี โดยอาจจะใช้วิธีกดเร่งไปถึงระดับความเร็วที่ต้องการก่อนแล้วผ่อนรักษาความเร็ว ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่ให้การประหยัดน้ำมันที่ดีทีเดียว และที่สำคัญไปกว่านั้นพยายามรักษาความเร็วให้คงที่ตลอดทาง หากรถคุณมีระบบ Cruise Control อย่าลืมที่จะใช้มันในการขับขี่
6.เบรคให้น้อยชะลอบ่อยๆ เราหลายคนที่ขับรถยนต์เกียร์ออโต้ที่ชินกับการเร่งและเบรคนั้น อาจจะไม่ค่อยมีสไตล์การขับขี่ที่ใช้วิธีชะลอความเร็วเหมือนคนที่ขับรถเกียร์รรมดา ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากความคุ้นเคย แต่เชื่อหรือไม่การชะลอความเร็วโดยไม่เบรคนั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการของวิธีประหยัดน้ำมันด้วย
เรื่องนี้ฟังดูไม่น่าเกี่ยวกันแต่มันคือข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อเราเบรคลดลมจากท่อไอดีจะถูกดูดมาที่หม้อลมเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ซึ่งจะมีอัตราลดลงมากกว่าการที่เราไม่เหยียบคันเร่งหรือชะลอความเร็ว นี่ยังไม่นับการสูญเสียน้ำมันกับการเร่งเมื่อความเร็วลดลงกว่าที่ขับปติ ซึ่งเท่ากับการซดน้ำมัน 2 เท่าตัว
7.หัดใช้เทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบันรถยนต์เกียร์ออโต้หลายรุ่นเริ่มมีการติดตั้งระบบ start/stop function เข้ามาเพื่อหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว ระบบนี้ช่วยคุณประหยัดได้มาก-มาที่สุดในสภาวะการจราจรที่ติดขัด เพราะเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงานก็หยุดจ่ายน้ำมัน ผลคือประหยัดแน่นอน ดังนั้นจึงควรเรียนรู้ไว้ โดยปกติแล้วระบบดังกล่าวจะทำงานเมื่อเราเหยียบแป้นเบรคเป็นระยะเวลานานๆ ส่วนวิธีการรีสตาร์ทเครื่องนั้นก็เพียงกดคันเร่งก็สามารถขับขี่ต่อได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายระบบที่สำคัญต้องลองหัดดูครับ
ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้คุณสามารถเซฟเงินในกระเป๋าได้เมื่อขับรถเกียร์ออโต้ ที่แม้ราคาน้ำมันในชั่วโมงนี้อาจจะยังไม่น่าห่วงแต่ฝึกเอาไว้ให้ชินจะมีประโยชน์มากเมื่อยามน้ำมันกลับมาแพง

10 ตระกูลรถยอดนิยมขายดีตลอดกาล

อันดับ 10 Chevrolet Impala ยอดจำหน่าย 14,000,000 คัน
รถรุ่นนี้เริ่มผลิตครั้งแรกในปี 1957 และยังมีจำหน่ายจนถึงปัจจุบัน กับ เจ้า เชฟวี อิมพาลา 
เก๋งขนาดใหญ่ที่ครองใจคนชาวอเมริกามาแล้ว รถรุ่นนี้ในครั้งแรกที่ออกวางจำหน่ายมันเป็นรถรุ่น
ที่ขายดีที่สุดในกลุ่ม และแม้วันนี้อิมพาลาจะถูกพัฒนาให้เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าแต่เอกลักษณ์
บอดี้ขนาดใหญ่ของมันก็ยังคงเป็นจุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบ


อันดับที่ 9 Volkswagen Passat ยอดจำหน่าย 14,100,000 คัน
บ้านเราพอจะคุ้นเคยรถรุ่นนี้กันอยู่บ้านเรากับเจ้า passart เก๋ง ประตูขนาดกลางจากค่ายโฟล์ค 
รถรุ่นนี้เริ่มวางตลาดครั้งแรกในปี 1973 และยังคงมีทายาทของมันวางจำหน่ายในโชว์รูมอยู่อย่าง
ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้ในประเทศไทย รถรุ่นนี้มักไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ที่ยุโรปมัน
ก็เป็นหนึ่งในรถที่ขายดี
อันดับที่ 8 Honda Accord ยอดจำหน่าย 15,800,000 คัน
นี่คงเป็นรถรุ่นที่ใครๆก็รู้จักกันดีกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ผลงานตกผลึกหนึ่งในชิ้นงานโบว์แดงจาก
ค่ายฮอนด้าที่รถรุ่นนี้เป็นรถรุ่นแรกที่เข้าไปทำตลาดทางฝั่งอเมริกา ด้วยราคาที่มันถูกกว่ารถจาก
ในประเทศอย่างมาก ทำให้ แอคคอร์ดได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และยังไม่มีใคร
ทำลายสถิติได้



อันดับที่ 7 Ford T-Model ยอดจำหน่าย 16,500,000 คัน
รถรุ่นสมัยเจ้าคุณปู่จากค่ายฟอร์ดที่ปัจจุบันนี้เลิกการผลิตไปแล้ว แต่ยังคงหาชมกันได้ตามพิพิธภัณฑ์
 ฟอร์ดรุ่นนี้นับเป็นรถรุ่นแรกที่ใครๆก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของยนตรกรรมขับเคลื่อน ล้อ ได้
 และที่น่าเหลือที่สุดคือ ตั้งแต่วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1908 จนถึง 1927 ในระยะเวลาเพียง 19 ปี
 เท่านั้นรถรุ่นได้ถูกจำหน่ายออกไปถึง 16 ล้านคัน เลยทีเดียว


อันดับที่ 6 Honda Civic ยอดจำหน่าย 17,730,000 ตัน
รถรุ่นนี้ก็ค่อนข้างเป็นคุ้นหน้าคุ้นตาในบ้านเรากันเป็นอย่างดีกับ ฮอนด้า ซีวิค ที่ได้รับความนิยม
จากคนทั่วโลก รถเก๋งเล็กที่ให้ความประหยัดเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย รถรุ่นนี้เริ่มออกมาวาง
ตลาดครั้งแรก เมื่อปี 1973 และปัจจุบันมันเป็นรถรุ่นที่อยู่ระหว่าง แอคคอร์และ ฮอนด้า แจ๊ส


อันดับที่ 5 Ford Escort ยอดจำหน่าย 20,000,000 คัน
รถเก๋งเล็กที่เดิมทีค่ายฟอร์ดอเมริกา หมายมั่นปั้นให้มันเป็นตัวชูโรงในการบุกตลาดรถยนต์ยุโรป 
โดยรถรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1981 และมันเป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่ถูกผลิตมาในแพลทฟอร์ม
ขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างไรก็ดีปัจจุบันรถรุ่นนี้ถูกยกเลิกสายการผลิตไปแล้ว และแทนที่ด้วย
 ford Fiesta แต่ยอดขายตั้งแต่เริ่มเปิดตั้ว
จนถึงปี 2002 ก่อนลาวงการ ล้อไปนั้น ก็สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


อันดับที่ 4 Volkswagen Beetle ยอดจำหน่าย 22,300,000 คัน
เจ้าเต่ายอดนิยมตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ที่พัฒนาโดยค่ายรถยนต์โฟล์คสวาเกน 
จากคำสั่งของท่านผู้นำอย่าง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ที่ต้องการเห็นประชาชนมีรถราคาไม่แพง
เหมาะกับทุกวิถีชีวิตและตอบสนองทางด้านการทหาทำให้เจ้าเต่าได้เริ่มถือกำเนิดขึ้น
ตั้งแต่ปี 1938ก่อนมันจะถูกนำกลับมาจากอดีตและลูบหน้าทาปากด้วยเวอร์ชั่นใหม่ต้อนรับปี 2000 
อีกครั้ง ก่อนจะมีการยกเลิกสายการผลิตไป ด้วยเครื่องยนต์สุดยอดแห่งความทนทานดี้งเดิม
กลับเครื่องยนต์สูบนอน สูบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้ไม่ค่อยงอแงนัก
 และถึงวันนี้มันก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของเด็กแนวกับการ
จับมาปั้นเป็นรถคลาสสิค


อันดับที่ 3 Volkswagen Golf ยอดจำหน่าย 25,000,000 คัน
รถรุ่นนี้เมื่อช่วงสัก 10 ปีที่แล้ว ก็เห็นได้รับความนิยมในบ้านเราเหมือนกันกับ Volk Golf เจ้าซิตี้คาร์
รุ่นแรกๆที่ถือกำเนิดขึ้นในแถวๆยุโรป รถรุ่นนี้เริ่มวางตลาดครั้งแรกในปี 1974 และผ่าน 30 กว่าปี 
รถรุ่นนี้ก็ยังคงผลิตจำหน่ายอยู่เหมือนเคย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ มันขายดีมาก 
จนถึงขนาดติด ใน อันดับ เลยทีเดียว


อันดับที่ 2 Ford F Series ยอดจำหน่าย 30,000,000 คัน
อาจพูดได้เต็มปากว่านี่เป็นรถกระบะเพียงรุ่นเดียวที่ติดเข้าใน 10 สุดยอดรถขายดีกับ 
ฟอร์ดตระกุล ที่เริ่มผลิตและวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1948 เอฟซีรี่ย์นั้น เป็นรถรุ่นที่ได้รับ
ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในตลาดประเทศอเมริกา
 และปัจจุบันทายาทของมัน F-150 ก็ยังเป็นรถกระบะที่ขายดี และมันเป็นรถกระบะที่ขายดี
อย่างต่อเนื่องถึง 34 ปี จึงไม่แปลกถ้าจะพบว่าตระกูลนี้มาติดชาร์ทด้วย



อันดับที่ 1 Toyota Corolla ยอดจำหน่าย 35,000,000 คัน
แม้จะไม่น่าเชื่อแต่เราอยากบอกว่าเจ้าทายาทตระกูล อัลติสนี่แหละ เป็นสุดยอดรถยนต์ที่ขายดี
ที่สุดในโลกนับตั้งแต่ที่เริ่มออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1966 จวบจนปัจจุบันรถรุ่น
ทางค่ายสามห่วงเขาก็เอามาวางจำหน่ายแล้วกว่า44 ปี และแม้เราจะวิจารณ์ต่างๆนานา 
กับค่ายโตโยต้า แต่เชื่อไหมว่า มีสถิติออกมาว่า รถโตโยต้าอัลติสสามารถขายได้
ทุก 40 วินาทีทั่วโลกเลยทีเดียว ...โอ้ ว้าว!!!






















10 Most Expensive Cars

10 อันดับรถแพงที่สุดในโลก

Tuesday, 4 January, 2011 0:00 AM


จริงอยู่ว่ารถราคา 4-5 แสนบาทก็สามารถขับไปไหนมาไหนได้แล้ว แต่ก็ยังมีรถที่ราคาแพงมหาศาล แล้วก็มีคนซื้อซะด้วย คนเหล่านี้ไม่ได้มองรถเป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นของสะสม เป็นเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งเป็นสิ่งบ่งบอกฐานะ วันนี้เราจะมาไล่เรียงกันว่า 10 อันดับรถแพงที่สุดในโลก มียี่ห้ออะไรบ้าง •


10. Rolls-Royce Phantom Drophead Coupe
ราคา 13,410,000 บาท
หลายคนอาจเดาผิด ที่รถสุดหรูราคาแพงอย่าง โรลส์รอยซ์ ติดเพียงอันดับ 10 เท่านั้น รุ่นที่ติดอันดับเป็น แฟนธอม เปิดประทุน ใช้เครื่องยนต์ วี12 มีกำลัง 453 แรงม้า ภายในตกแต่งด้วยไม้สักเนื้อละเอียดคัดพิเศษกว่า •

09. Lamborghini Murcielago LP670-4 SuperVeloce
ราคา 13,662,000 บาท
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับอันดับ 10 เพราะเป็นรถสปอร์ตพันธุ์ดิบ ใช้เครื่องยนต์ วี12 ความจุ 6,500 ซีซี 670 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่ำกว่า 3.2 วินาที คนที่ซื้อนอกจากมีเงินแล้ว ต้องรับได้กับการที่ต้องเหยียบคลัตช์กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ แม้จะจ่ายเงินไปถึงกว่า 13 ล้านบาท

08. Ferrari SA Aperta
ราคา 15,600,000 บาท
เผยโฉมในปารีส มอเตอร์โชว์ ปีนี้ Ferrari SA Aperta (คำว่า Aperta เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า เปิด) เป็นรุ่นพิเศษฉลองครบ 80 ปีของ พินินฟาริน่า ใช้พื้นฐานจาก Ferrari 599 GTO ใช้เครื่องยนต์ วี 12 กำลัง 670 แรงม้า เร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.5 วินาที ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 80 คัน

07. LeBlanc Mirabeau
ราคา 21,840,000 บาท
รถแข่งพันธุ์แท้สัญชาติสวิส และสามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้ ถ้าอยากจะได้เบาะหนังแท้หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ต้องเสียเงินเพิ่ม เพราะรถรุ่นนี้เน้นที่อัตราเร่งและแฮนด์ลิ่งเป็นหลัก ใช้เครื่องยนต์ วี8 ซูเปอร์ชาร์จ 700 แรงม้า แรงบิด 86.61 กก.-ม.

06. SSC Ultimate Aero
ราคา 22,500,000 บาท
ว่ากันว่านี่คือรถที่เกิดมาเพื่อกำราบ บูกัตติ เวย์รอน โดยเฉพาะ เนื่องจากรถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดอย่างไม่เป็นทางการ 439 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากต้นกำลังเครื่องยนต์ วี8 ที่ผลิตม้าได้ถึง 1,287 ตัว สิ่งที่แตกต่างจาก LeBlanc Mirabeau คือ พอจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกติดมาให้บ้าง ตัวถังส่วนใหญ่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และภายในห้องโดยสารก็ใช้วัสดุน้ำหนักเบาเช่นกัน

5. Ferrari F70
ราคา 26,100,000 บาท (โดยประมาณ)
แม้จะยังไม่เปิดตัวในตอนนี้ แต่จากความสำเร็จของรุ่น เอ็นโซ่ ทำให้ผู้ที่จัดอันดับคาดว่าเฟอร์รารี่จะผลิตรุ่น F70 ออกมาในช่วงปี 2012 ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีเพียงภาพกราฟิกเท่านั้น

04. Pagani Zonda C9
ราคา 39,000,000 บาท
ยังไม่เปิดตัวตอนนี้เช่นกัน แต่รถรุ่นนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบของบริษัท ใช้เครื่องยนต์ 700 แรงม้าจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผลิตจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น สร้างจากวัสดุสุดล้ำอย่างแชสซีส์ คาร์บอนไทเทเนียม มีการผลิตชิ้นส่วนใหม่กว่า 4,000 ชิ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ Zonda รุ่นก่อนหน้า และผลิตจำกัดเพียง 40 คัน

03. Maybach Landaulet
ราคา 42,150,000 บาท
เปิดตัวใน ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2008 ใช้พื้นฐานจากรุ่น 62S เปิดประทุนเฉพาะห้องโดยสารด้านหลัง ใช้เครื่องยนต์ วี12 ภายในมีหรูเสมือนอพาร์ตเมนท์ติดล้อ มีตู้เย็น โต๊ะพับได้ และที่วางแชมเปญ


02. Koenigsegg Agera
ราคา 45,000,000 บาท
ซูเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน ตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม Koenigsegg Agera มีกำลังสูงสุด 910 แรงม้า เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3.1 วินาที และมีการเคลมว่าเป็นรถที่มีพื้นที่เก็บของมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน

01. Bugatti Veyron Super Sport
ราคา 78,000,000 บาท
ทำสถิติลงในกินเนสบุคด้วยความเร็วสูงสุด 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่รุ่นที่ทำตลาดจะจำกัดไว้แค่ 415 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Veyron Super Sport ใช้เครื่องยนต์ 1,200 แรงม้า เปรียบเทียบราคากับรุ่นอื่นอย่าง Bugatti 16.4 Grand Sport ราคา 55,800,000 บาท และรุ่นพื้นฐาน Bugatti Veyron 16.4 ราคา 47,700,000 บาท แพงขึ้นอีกพอสมควร ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นแค่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง